ทหารพรานปัตตานีกระหายเลือด ถล่มชาวบ้านดับ4เจ็บ5

ทหารพรานปัตตานีโดนบึ้มฐาน รวมพลไล่ล่าคนร้าย ถล่มชาวบ้านดับ 4 ศพ เจ็บอีก 5 ชาวบ้านยันเหยื่อกระสุนล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ทันข้ามวันคนร้ายเล่นอีกระลอก ถล่มฐาน นพป. หนองจิก กราดยิงบ้านชาวบ้านเสียหายอีก 3 หลัง

อัคร ทิพย์โรจน์

‎คำกล่าวของคนทีรอดชิวิตจากการกระทำของกลุ่มทหารพราน…เมื่อขับรถขึ้นเนินเข้ามายังเส้น 418 ผู้ขับเห็นอาสาสมัครทหารพราน แต่งชุดดำ 1 นาย ยืนโบกมืออยู่บนถนน พร้อมตะโกนเพื่อให้รถหยุด นายยา ผู้ขับได้เล่าให้ฟังว่า ตนเห็นทหารพรานสวมชุดดำโบกมือทั้งสองข้างเพื่อให้หยุด ตนจึงได้หยุดรถ ซึ่งห่างจากทหารพรานประมาณ 10 ม. แล้วให้แบฮะ ที่อยู่ข้างคนขับที่พูดภาษาไทยได้บอกกับทหารพรานไปว่าจะไปละหมาดญีนาซะห์(ศพ) พูดคุยกันได้ประมาณไม่ถึง 10 นาที ผมมองเห็นทหารพรานคนดังกล่าวยกปืนขึ้นมาแล้วเล็งมายังรถ ผมคิดในใจว่า “ทหารจะยิงพวกเราหรอ” ไม่ทันใด เสียงปืนดังขึ้นจากด้านซ้ายของรถ มีอาสาสมัครทหารพรานอีกคนยืนอยู่บนเนินยิงกราดเข้าใส่รถในตัวรถ และกระบะหลัง ผมก้มลงใต้พวกมาลัยรถ กระสุนเฉียดแผนหลังด้านซ้าย รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที ทหารพรานได้ตะโกนให้คนที่อยู่บนรถหนี แต่ระหว่างนั้นก็ได้กราดยิงแบบไม่ยั้งมือ

เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. วันที่ 29 มกราคม 2555 มีคนร้ายใช้ปืนเอ็ม.79 ยิงใส่ฐานชุดปฏิบัติการทหารพราน 4302 หมู่ที่ 3 บ้านน้ำดำ ตำบลปุโล๊ะปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เป็นเหตุให้ทหารพรานบาดเจ็บเล็กน้อย 1 นาย หลังเกิดเหตุกำลังทหารพรานหน่วยพัฒนาสันติบ้านน้ำดำพร้อมอาวุธครบมือ ออกไล่สกัดคนร้าย

เมื่อมาถึงหมู่ที่ 1 บ้านกาหยี ตำบลลิปะสาโง อำเภอหนองจิก พบรถยนต์กระบะตอนครึ่งขับมาตามถนนสายบ้านน้ำดำ–บ้านกะหยี มีผู้โดยสารเต็มคัน จึงตั้งจุดสกัดตรงบริเวณก่อนถึงแยกถนนทางหลวงสาย 418 เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวชะลอความเร็ว กลุ่มทหารพรานได้ใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ตัวรถกระบะคันพรุนทั้งคัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย

ภายหลังเกิดเหตุพ.ต.ท.วีรชาติ คูหามุข รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหนองจิก จังหวัดปัตตานี ได้นำกำลังตำรวจ พร้อมชุดพิสูจน์หลักฐานรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุทันที จากการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบเป็นรถยนต์กระบะตอนครึ่ง สีบรอนซ์เงินมีผู้เสียชีวิตทันที 4 ราย เจ็บสาหัส 3 ราย เจ้าหน้าที่จึงประสานรถเพื่อนำส่งโรงพยาบาลหนองจิก จากการตรวจสอบภายในรถพบปืนสงครามอาก้า 1 กระบอก และปืนพกสั้นขนาด 11 มิลลิเมตรอีก 1 กระบอก

สำหรับผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย นายรอปา บือราเฮง อายุ 18 ปี เป็นบุตรอิหม่าม อยู่บ้านเลขที่ 37/2 หมู่ที่ 1 บ้านกะหยี, นายอิสมัน ดือราแม อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 1 บ้านกะหยี, นายสาหะ สาแม อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/2 หมู่ที่ 1 บ้านกะหยี, นายหะมะ สะนิ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 1 บ้านกะหยี สภาพศพถูกยิงที่บริเวณลำตัวและขาเป็นแผลฉกรรจ์

ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย นายยา ดือราแม อายุ 58 ปี คอเต็บมัสยิดบ้านกะหยี มีบาดแผลถูกอาวุธเฉียด 1 แผล มีรอยฟกช้ำตามลำตัวจำนวนมาก, ด.ช.มะรูดิง อาแวกือจิ อายุ 15 ปี ถูกยิงเข้าที่แขนขวาหัก 1 นัด, นายมะแอ ดอเลาะ อายุ 76 ปี และนายฐอบรี บือราเฮง อายุ 19 ปี ทั้งหมดเป็นชาวตำบลลิปะสาโง ต่อมา วันที่ 30 มกราคม 2555 เจ้าหน้าที่ได้ส่งผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี

นายแวเตะ อาแวกือจิ บิดาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมด ถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้งกล่าวหาว่าเป็นโจร เพราะก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายทั้งหมดได้นั่งรถออกมาจากบ้าน 9 คน มุ่งหน้าไปร่วมละหมาดคนตายที่บ้านทุ่งโพธิ์ โดยมีนายยา ดือราแม เป็นคนขับ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุทหารพรานตะโกนให้จอด เมื่อรถชะลอความเร็ว กลับถูกทหารพรานยิงจนเสียชีวิตและบาดเจ็บ โดยบางคนได้กระโดดหนีไปหลบบ้านญาติ ก่อนทบรรดาญาติและชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ช่วยกันนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลหนองจิก

นายมะรูดิง หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยกับว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนและเสียงคล้ายลูกระเบิดดังขึ้นฝั่งตรงข้ามของหมู่บ้าน จากนั้นหลังเสร็จละหมาดอีชา ที่มัสยิดในหมู่บ้าน นายยาได้ชวนไปละหมาดคนตายที่บ้านโพธิ์ ตำบล….. เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งมืดมาก มีคนพูดเป็นภาษาไทยเรียกให้หยุดรถ ขณะที่ชะลอความเร็วของรถ มีเสียงปืนดังขึ้นโดยไม่ทราบทิศทาง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ตนจึงกระโดดหนีหลบไปอยู่ใต้ท้องรถ แต่ยังถูกยิงที่แขนขวา 1 นัด จึงพยายามหลบหนีเข้าป่า แต่ก็ยังถูกไล่ยิงอีกชุดใหญ่แต่ไม่โดน ตนจึงหลบเข้าไปอาศัยบ้านของเพื่อนบ้าน ก่อนจะถูกนำส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา ถึงขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่าใครยิง ช่วงที่คนร้ายยิง พวกตนไม่ได้มียิงต่อสู้ เพราะไม่มีอาวุธ

ต่อมา เวลา 10.00 น.วันที่ 30 มกราคม 2555 ที่มัสยิดบ้านตันหยงบูโล๊ะ บรรดาญาติได้นำศพผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย นายอิสมัน นายสาหะ นายรอปา นายหามะ มาประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม มีประชานชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมละหมาดให้กับผู้เสียชีวิต จากนั้นนำทั้งหมดไปฝังยังกุโบร์บ้านตันหยงบูโล๊ะ

ทั้งนี้ ชาวบ้านที่เข้าร่วมพิธีต่างเชื่อว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้บริสุทธิ์ และต้องการให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยด่วน

วันเดียวกัน พล.ต.อัคร ทิพย์โรจน์ รองกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า ในฐานะโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงว่า ก่อนชาวบ้านจะถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เกิดเหตุคนร้ายใช้เครื่องยิงกระสุนเอ็ม.79 ยิงใส่ฐานชุดปฏิบัติการทหารพราน 4302 จากนั้นได้ใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นโล่มนุษย์กำบัง โดยการอาศัยรถยนต์ของชาวบ้านที่แล่นผ่านมาแฝงตัวหลบหนี เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นท่าทางมีพิรุธจึงเข้าตรวจสอบ คนร้ายได้ยิงใส่เจ้าหน้าที่เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องตอบโต้กลุ่มคนร้าย ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์รับเคราะห์แล้วหลบหนี

พล.ต.อัคร แถลงต่อไปว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คนร้ายได้ยทิ้งหลักฐานสำคัญไว้ในที่เกิดเหตุ เป็นปืนอาก้า AK 47 ได้ 1 กระบอก และปืนพกสั้นขนาด 11 มิลลิเมตร 1 กระบอก ทั้งหมดเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบและพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาที่มาของอาวุธปืนว่า เคยนำไปก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ใดบ้าง จะได้เชื่อมโยงสู่ผู้ที่ครอบครอง เพื่อระบุได้ว่ามีใครที่เกี่ยวข้องบ้าง

“เป็นกลลวงของกลุ่มคนร้าย ที่พยายามพลิกสถานการณ์ให้การก่อเหตุของกลุ่มคนร้าย ให้กลายเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ต่อประชาชน เพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างรัฐกับประชาชนในพื้นที่” พล.ต.อัคร กล่าวคำแก้ตัวให้กับทหารพรานซึ่งตัวเองก็กลัวว่าชาวบ้านจะลุกขึึ้นมาสู้ฝ่ายรัฐบาลเป็นอย่างมาก และเขาเองคิดว่าทหารพรานทำกูกต้องแล้วที่ฆ่าชาวบ้านที่บริสุทธิ์และทิ้งปืนไว้เป็นหลักฐานเพื่อที่จะกว่าวหาว่าชาวบ้านเป็นคนร้าย