ทหารรุมโทรมหญิง 1 ต่อ 6 ณสถานที่ราชการ

ไอ้เณรรุมโทรม ลามทั่วเฟซบุ๊ก ทบ.สั่งเช็กด่วน

 ภาพ 6 ชายคล้ายทหารเกณฑ์ สวิงกิ้งสาว

ภาพ คนคล้ายทหารสวิงกิ้งสาวในหน่วยงานว่อนเฟซบุ๊ก ชาวเน็ตรุมจวก บี้กองทัพแจงด่วน กลาโหม แจงขอพิสูจน์ก่อน ชี้สมัยนี้คนหัวเกรียนแต่งลายพรางอาจไม่ใช่ท็อปบูต ลั่นหากพบจริงลงโทษวินัยแน่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม มีความเคลื่อนไหวในโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยในหน้าเฟซบุ๊กหนึ่งได้โพสต์รูปชายวัยรุ่นหัวเกรียนรูปร่างลักษณะคล้าย ทหารเกณฑ์ไม่สวมเสื้อผ้า 6 คน กำลังรุมโทรมหญิงสาวอยู่บนพื้นห้อง โดยมีชายฉกรรจ์อีกคนหนึ่งสวมเสื้อสีเขียว กางเกงลายพราง กำลังใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพดังกล่าว โดยสถานที่ในรูปเป็นห้องพื้นปูน มีลักษณะคล้ายห้องในสถานที่ราชการ เพราะมีตู้หนังสือและมีโต๊ะเหล็กวางอยู่

ภาพดังกล่าวยังมีการโพสต์ข้อความว่า “ท.ทหารอดทน (ทนไม่ไหว) หื่นไม่เว้นแม้แต่ในสถานที่ราชการ ล้วนเป็นสุภาพบุรุษสวิงกิ้งสาวบริการ” โดยมีการเรียกร้องให้ ผบ.ทบ.ตอบคำถามว่า รูปดังกล่าวใช่การกระทำของทหารหรือไม่

ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวทำให้ชาวเน็ตพากันวิจารณ์รูปดังกล่าวอย่างหนัก ทั้งการรุมประณามด่าการกระทำของผู้ชายในภาพที่มีลักษณะคล้ายทหาร ขณะ ที่หลายคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าภาพดังกล่าวใช่ทหารจริงหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่ต้องการให้กองทัพออกมาชี้แจงต่อสังคมว่าข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร จากนั้นภาพดังกล่าวก็ถูกนำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ต่าง ๆ และส่งต่อกันอย่างมากในช่วงวันที่ 11 พฤษภาคม จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ทหารด้วยกันอย่างกว้างขวางว่าภาพดังกล่าว คล้ายห้องสำนักงานภายในหน่วยทหาร

ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ภาพที่ปรากฏได้บ่งชี้ถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และมี 1 คนที่แต่งกายคล้ายทหารนั้น ซึ่งกองทัพคงต้องนำรูปดังกล่าวมาตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าสถานที่ในรูปเป็น หน่วยทหารจริงหรือไม่ และบุคคลในภาพเป็นทหารจริงหรือไม่ เพราะปัจจุบันการแต่งกายเหมือนทหาร หรือการตัดผมสั้น ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าต้องเป็นทหารเสมอไป

“หากตรวจสอบแล้วเป็นสถานที่ราชการจริง และเป็นทหารจริงถือว่า ไม่เหมาะสม โดยต้องได้รับโทษทางวินัยทหาร ซึ่งกองทัพคงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป” พ.อ.ธนาธิปกล่าว

ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวเช่นกันว่า ขั้นต้นคงต้องตรวจสอบดูว่ารูปที่ปรากฏเป็นสถานที่และกำลังพลของกองทัพบกจริง หรือไม่ โดยต้องตรวจสอบและสื่อสารไปยังผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยว่าจะพิสูจน์ทราบได้ หรือไม่ว่าเป็นกำลังพลของใคร และเป็นสถานที่ไหน แต่การกระทำลักษณะแบบนี้หากเกิดขึ้นจริงในสถานที่ราชการถือว่าไม่เหมาะสม และถ้าเป็นจริงกองทัพต้องมีการสอบสวนเพื่อจะลงโทษทางวินัย

“ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ารูปดังกล่าวเป็นใคร สถานที่เป็นที่ใด ซึ่งคงต้องใช้เวลาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกันต่อไป”

สังดานทหารยังคงออกลายในสังคม แต่นายทหารท่านผู้ใหญ่ยังคงออกหน้าบอกว่าทหารมีวินัยรักประเทศ  นายทหารท่านผู้ใหญ่เป็นตุ๊ดกันหมดไม่กล้ายอมรับความจริงถึงสังดาลเลวๆของทหาร

ภาพดังกล่าวเป็นการกระทำของทหารที่ภาคไหนเราไม่รู้ ที่ภาคใต้หรือไหมเราไม่รู้ แต่เป็นการกระทำที่น่าอายอย่างยิ่ง เพราะผิดต่อศาสนาและจริยธรรมและมนุษยธรรม  เราขอประณามพวกทหารเหล่านี้   จงอย่าได้เป็นสุดและขอให้แม่ของพวกมันโดนข่มขืนขอให้น้องสาวของพวกมันเป็นหญิงโสเภณีตลอดชีวิต

ปาตานีมหานครเปรียบเสมือนการเตะมุมเข้าปากหมา

ในสังคมชายแดนใต้ยังคงเกิดความรุนแรงและความสับสนของประชาชนเป็นอย่างมาก เมื่อเร็วๆนี้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้งกับชาวปาตานีเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2555 เกิดเหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรมเด็กไปดักนกในป่าถึง 5 ศพใน อ.กรงปินัง จ.ยะลา

ซึ่งทำให้ประชาชนรู้สึกหวาดระแวงและหวาดกลัวกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นการกระทำที่อุกอาจและไร้มนุษยธรรม โดยนโยบายของฝ่ายทหารที่ไร้ความเป็นธรรมแล้วยังใช้ความรุนแรงเป็นหลักเพื่อที่จะให้ได้อำนาจมากยิ่งขึ้นในการที่จะจับแพะเพื่อผลประโยชน์ของตนเองโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของประชาชนและความเดือดร้อนของประชาชน ทางทหารเองก็เคยมีบทบาทในการทำรัฐประหารมาก่อนนับไม่ถ้วน นี้แหละชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้คุมอำนาจทหารไม่อยู่ เลยปล่อยให้ทหารทำอะไรได้อย่างตามใจชอบเปรียบเสมือนปล่อยคนบ้าเลือดออกมาอาละวาดเข่นฆ่าประชาชน และขณะเดียวกันรัฐบาลจะออกแถลงการณ์ตามหลังประมาณว่าขณะนี้คุมสถานการณ์ได้แล้ว และวันนี้ก็ยังมีกลุ่มนักต่อสู้เพื่อปาตานีมหานครหรือที่รู้จักกันในนามครรัฐปาตานีซึ่งเป็นความคิดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้ก่อตั้งพรรคความหวังใหม่ ซึ่งเคยมีบทบาทในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาก่อนหรือที่รู้จักกันในสมัยใต้ร่มเย็นหรือสมัยฮารับปัน บารู (Harapan Baru) ราว พ.ศ. 2536-2539 ที่เคยทำให้เหล่านักต่อสู้เพื่อกู้เอกราชปาตานีมามอบตัวกับรัฐบาลไทยมากเป็นประวัติศาสตร์ทุกคนอาจจะจำกันได้ดี

กลุ่มนักต่อสู้เพื่อนครรัฐปาตานี กับกลุ่มต่อสู้เพื่อกู้เอกราชปาตานีแตกต่างกันตรงที่กลุ่มต่อสู้เพื่อนครรัฐปาตานีมีนโยบายหลักคือการกระจายอํานาจสู่ท้องถิ่นและผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมาจากการเลือกตั้งแบบในกรุงเทพฯ หรือพัทยา ซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับความคิดของกลุ่มต่อสู้เพื่อกู้เอกราชปาตานี ที่ต่อสู้เพื่อกู้เอกราชปาตานี ต้องการที่จะเอาเอกราชไปจากแดนสยามและปกครองตัวเองในทุกรูปแบบไม่ว่าในรูปแบบไหนก็ตาม แต่การต่อสู้แบบไร้เงาของกลุ่มนครรัฐปาตานีที่มี พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม หรือในนาม (กูเป็ง) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ นายมันโซ สาและ และอีกหลายคนที่ไม่พูดถึง พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม อดีตเคยเป็นผู้นำตำรวจที่นำกำลังไปกวาดล้างผู้กู้เอกราชปาตานีเป็นเวลามายาวนาน เคยฆ่าผู้กู้เอกราชปาตานีไม่รู้กี่คนและเคยจับกุมไม่รู้กี่ร้อยคน แล้ววันนี้เขามาพูดถึงการปกครองตัวเองในรูปแบบนครรัฐปาตานี กลุ่มชาวบ้านบ้างกลุ่มคุยกันที่ร้านน้ำชาว่า พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม เพียงแค่ต้องการสร้างกระแสเพื่อที่จะให้ชาวบ้านลืมว่าเขาเคยทำอะไรมาบ้างกับชาวปาตานี หรือภาษาชาวบ้านที่เรียกกันว่าทำความดีมาปกปิดความชั่วนั้นเอง บางกลุ่มก็ว่า พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม จะปั่นหัวชาวบ้านให้มาสนับสนุนนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ หรือเพื่อที่จะล้างบาปที่ตนได้เคยก่อกรรมทําเข็ญไว้ในครั้งก่อน ส่วน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในตอนนี้อาจไม่มีบทบาทมากนักเพราะชาวบ้านไร้ความศรัทธาต่อเขามานานแล้ว ได้แต่อยู่เบื้องหลัง ตนเองก็ยังมีคดีเรื่องบ้านที่ใหญ่ผิดปกติอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จ้องจับตาที่จะเล่นงานเขาอยู่ และตนก็ได้บริจาคส่วนหนึ่งของบ้านไว้ให้กับมูลนิธิเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่แล้ว ทุกคนอาจจะจำได้อยู่ ในอดีตเรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลและฝ่ายทหารทำการตรวจค้นโรงเรียนสอนศาสนา (ปอเนาะ) สมัยแรกๆ สมัยนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอยู่และชาวบ้านบางคนก็ว่ากันว่ามาจากความคิดของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่เปิดทางให้รัฐบาลและฝ่ายทหารทำการตรวจค้นในครั้งนั้นด้วย

แต่ส่วนของ นายมันโซ สาและ ประวัติในการเมืองไม่ปรากฏอย่างแน่ชัดและประวัติในขบวนการกู้เอกราชปาตานีก็ไม่เคยปรากฏรายชื่อของเขาอยู่เลย การต่อสู้ในรูปแบบนครรัฐปาตานีของเขานั้นดูแล้วก็แปลกๆ อยู่ เนื่องจากเขาเคยพูดถึงการปรองดองของชาวปาตานีกับรัฐบาลไทยในสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง ซึ่งฟังดูแล้วเหมือนเป็นคนที่ไม่มีจุดยืน เพราะต้องเอาความคิดของคนเสื้อแดงที่กำลังหาทางในการปรองดองกับพรรคฝ่ายค้านที่เป็นอยู่กันทุกวันนี้ ลองทุกท่านคิดเป็นการบ้านดูว่าเราควรที่จะปรองดองกับคนที่เอาแผ่นดินของเราไหม เราควรที่จะปรองดองกับคนที่บ้าเลือดเที่ยวเข่นฆ่าประชาชนชาวปาตานีของเราไหม การต่อสู้ของคนเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นการเตะมุมเข้าปากหมา เพราะผลประโยชน์ที่พวกเขากำลังทำนั้นก็จะกลับมาตกเป็นของรัฐบาลไทยอย่างแน่นอน บางครั้งเวลาฟังพวกเขาเหล่านี้ปราศรัยแล้วเราจะรู้สึกขนลุกฟู่ๆ ในบางคำที่เขาใช้เป็นเครื่องมือในการปราศรัย อาทิ เรื่องประวัติปาตานีที่บางคนไม่ค่อยรู้สักเท่าไร ประวัติผู้ต่อสู้เพื่อกู้เอกราชปาตานี และยังยกย่องส่งเสริมผู้ต่อสู้เพื่อกู้เอกราชปาตานีด้วยซ้ำ แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าคนที่พูดว่าน่ายกย่องส่งเสริมผู้ต่อสู้เพื่อกู้เอกราชปาตานีนั้น เขาเคยเป็นถึงผู้นำตำรวจและได้นำทหารไปปราบปรามผู้ต่อสู้เพื่อกู้เอกราชปาตานีในหลายพื้นที่ของบ้านเรา ท่านก็รู้ดีแก่ใจว่าพวกนี้เป็นเครื่องมือของ กอ.รมน. และ ศอ.บต. ไม่งั้นก็คงไม่กล้าที่จะมาพูดถึงประวัติปาตานีเพราะมันเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับรัฐบาลไทย ถ้าท่านไม่เชื่อก็ลองให้พวกอุสตาสเล่า แน่นอนว่าจะโดนข้อหาปลุกระดม ข้อหาเป็นกบฏ แต่กับพวกนี้เจ้าหน้าที่ไม่ติดใจและในบางครั้งเวลาพวกนี้ปราศรัยอยู่นั้นก็มีนายทหารร่วมอยู่ด้วย แต่ทหารไม่เคยว่าอะไรเลยเวลาเขาพูดถึงประวัติปาตานีและยังทำท่าทีเห็นด้วยกับพวกนี้ แล้วพวกเราจะยอมตกเป็นเครื่องมือของคนพวกนี้อีกนานแค่ไหน ทำไมเราไม่หันมาสู้ในรูปแบบของผู้ที่ต่อสู้เพื่อกู้เอกราชปาตานี ที่มีจุดยืนและมีจุดประสงค์ที่แน่ชัดว่าต้องการเป็นอิสระเสรีจากการปกครองแบบไม่ยุติธรรมของรัฐบาลสยามที่บ้าเลือด และทำเพื่อแผ่นดินของเรา ทำเพื่อลูกหลานของเราให้อยู่เย็นเป็นสุขในอนาคต

By… Patanimerdeka